มีใครสงสัยหรือไม่ว่าชื่อของพระเอกใบหน้าเทพบุตรของเมืองไทย “ณเดชน์” กลายมาเป็นฉายาของดาวเตะตัวเก่งของลิเวอร์พูล ซาดิโอ มาเน่ ที่ดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยได้อย่างไร บทความวันนี้ lnwliverpool จะพาเพื่อนๆไปไขข้อข้องใจที่มาของฉายานี้ให้กระจ่างชัดกันครับ
มาเน่ เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนไม่มีแม้แต่เงินจะส่งให้ไปเรียนหนังสือ แม้ทุกวันนี้เขาจะประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพมีเงินใช้ปีละหลักล้านปอนด์สามารถนำเงินไปซื้อรถซุปเปอร์คาร์มาขับแบบไม่ต้องคิดอะไรได้ แต่ชีวิตในวัยเด็กที่ผ่านมาเขารู้ดีว่าความยากลำบากอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร มาเน่ จึงใช้เงินนับไม่ถ้วนบริจาคให้เพื่อสังคม โดยหนึ่งในนั้นคือการบริจาคให้กับเด็กผู้ยากไร้ที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือได้เข้าถึงการศึกษา สิ่งพื้นฐานที่เขาไม่เคยได้รับมันเลยในวัยเด็ก
นอกจากนี้ครอบครัว มาเน่ ยังเคร่งเรื่องศาสนาเป็นอย่างมาก พ่อของเขาเป็นถึงโต๊ะอิหม่ามในมัสยิดประจำเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่ดาวยิงชาวเซเนกัล จะเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ไม่เตะต้องแอลกอฮอล์แม้แต่ครั้งเดียว และทุกวันนี้ก็ยังไม่นอกลู่นอกทางปฎิบัติตัวตามกฎของศาสนาอิสลามทั้งการละหมาดประจำวัน หรือถือศีลอดตามเทศกาลรอมฎอน อย่างเคร่งครัด
ติดดิน
ชีวิตนอกสนามของ มาเน่ เป็นบุคคลที่ทำตัวกลมกลืนกับบุคคลรากหญ้าทั่วไป เมื่อไม่มีภารกิจแข่งขันฟุตบอลกิจวัตรประจำคือการออกไปทำกิจกรรมทางศาสนาที่มิสบิด และเพื่อให้เข้ากับบุคคลอื่น มาเน่ ที่มีรถหรูในครอบครองมากมายเลือกที่จะนั่งรถธรรมดาทั่วไปมาแทน ความไม่ถือตัวชอง มาเน่ ยังมีให้แบบที่ไม่ต้องโอ้อวด เมื่อมีคลิปวิดิโอเผยภาพปีกค่าตัวพันล้าน ออกไปทำกิจกรรมช่วยล้างห้องน้ำสาธารณะร่วมกับคนอื่นๆ หรือวิดิโอที่ออกมาเผยให้เห็น มาเน่ เดินลงมาจากรถบัสของทีมชาติเซเนกัล ขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆเดินผ่านพนักงานที่กำลังยกน้ำ สตาร์เบอร์หนึ่งของทีมชาติกลับหยุดช่วยขนน้ำติดมือเข้าไปด้วย
ใส่ใจคนอื่น
ภาพในสนามปกติเรามักจะเห็น มาเน่ ทำหน้านิ่งเฉยไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมามากมานัก แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความหล่อจากภายในที่ทะลุออกมาได้ มาเน่ มีนิสัยที่เอาใจใส่ความรู้สึกของคนรอบตัวเขาเป็นอย่างมาก ย้อนกลับไปในปี 2019 เกมที่ ลิเวอร์พูล พบกับ วัตฟอร์ต ซึ่งเกมนั้นทีมคู่แข่งส่งปีกรุ่นน้องของ มาเน่ จากประเทศเซเนกัลอย่าง อิสไมล่า ซารร์ ลงสนาม โดยเกมนั้น ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-0 และในันนั้น ซารร์ โชว์ฟอร์มไม่ออก พลาดโอกาศทองไปหลายต่อหลายครั้ง จนโดนแฟนบอลโทษว่าเป็นความผิดของเขาที่ให้ทีมพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตามหลังจบเกม มาเน่ ได้เข้าไปคุยกับ รอย ดีนี่ย์ กัปตันทีม เพื่อฝากฝังให้ช่วยดูแลรุ่นน้อง พร้อมรับประกันว่า ซารร์ คือแข้งที่ฝีเท้าดีเพียงแต่ขาดความมั่นใจ ก่อนที่จะหันไปสอนรุ่นน้อง หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นของ ซารร์ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆจนขึ้นมายึกตำแหน่งตัวจริงของทีมได้สำเร็จ
มาที่ความใส่ใจเพื่อนร่วมทีมกันบ้าง นอกจาก มาเน่ แล้วนักเตะที่มีส่วนสำคัญทำให้ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประสบความสำเร็จกวาดถ้วยแชมป์มาสู่สโมสรคือ โม ซาลาห์ ปีกชาวอียิปที่เล่นปีกทางกาบขวา ทั้งสองคนช่วยกันยิงประตูให้กับสโทสรได้มากมาย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีข่าวออกมาว่าทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเน่ มองว่า ซาลาห์ ห่วงที่จะยิงประตูอย่างเดียว แทบจะไม่จ่ายบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ และข่าวเริ่มมีมูลในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน เบิร์นลี่ย์ ในปี 2019 เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากฝ่าย หงส์แดง ที่สกอร์นำอยู่ 3-0 เมื่อ ซาลาห์ มีโอกาสได้บอลหลุดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ ซึ่งมี มาเน่ รออยู่โล่งๆ แต่ดาวยิงชาวอียิปต์กลับเลือกที่จะยิงออกไปเอง แน่นอนว่า ทาเน่ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม เกิดอาการฟิวส์ขาดสบถด่าพร้อมชี้ไปทาง ซาลาห์ จนเพื่อนร่วมทีมตรงม้านั่งสำรองต้องเข้ามาห้าม
อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทั้งสองก็เคลียร์ปัญหากันได้ลงตัว พร้อมกลับมาลงสนามแบบดูรักกันมาขึ้นอีกด้วย ทว่าความเป็นคู่แข่งของสองปีกตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ยังไม่จบลง ในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่น ทีมชาติอียิปต์ของ โม ซาลาห์ ต้องดวลนัดชิงชนะเลิศกับ ทีมชาติเซเนกัลของ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งบทสรุปเป็น เซเนกัล ที่เอาชนะการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์ของทวีปแอฟริกาไปครองได้สำเร็จ โดยตามธรรมเนียมของสโมสร หากผู้เล่นประสบความสำเร็จช่วยชาติคว้าแชมป์มาได้จะมีพิธียกย่องยินดีกับนักเตะ ทว่า มาเน่ กลับนึกถึงเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง ซาลาห์ ที่ต้องเจ็บปวดจากเกมนัดชิงชนะเลิศ ด้วยความใส่ใจเพื่อนจึงปฎิเสธสโสมสรที่จะจัดพิธีให้แบบไม่ต้องคิด
ทั้ง นิสัย, ทัศนะคติ และวิธีใช้ชีวิตของเขา มีอีกหลายเรื่องให้กล่าวยกย่อง ซึ่งทุกอย่างล้วนออกมาจากใจจริงไม่มีเสแสร้ง มาเน่ ที่เป็นนักเตะระดับซุเปอร์สตาร์ในวันนี้ ก็ยังคงทำตัวไม่ต่างจากเด็กหนุ่นที่เดินทางออกมาตามหาความฝันจากทวีปแอฟริกาในอดีต จากความหล่อที่ออกมาจากภายในฉายา “ณเดชน์” ที่แฟนบอลในไทยใช้เรียกช่างเป็นคำเปรียบเปรยที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง