“อลิสซอน เบ็คเกอร์ คือนายทวารที่เก่งที่สุดในโลกสำหรับผม แต่ ควิวีน เคลเลเฮอร์ คือผู้รักษาประตูมือ 2 ที่ดีที่สุดในโลก” เป็นคำพูดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากที่นายด่านอายุน้อยช่วยพาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คาราบาว คัพ มาให้กับสโมสร วันนี้ lnwliverpool จึงขอพาเพื่อนๆไปรู้จักกับเจ้าหนูผู้รักษาประตูจากอะคาเดมี่ของสโมสรให้มากขึ้นกันครับ
ควิวีน เคลเลเฮอร์ (Caoimhín Kelleher) เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 1998 ที่เมือง คอร์ก ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เขาเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยเริ่มต้นมาจากตำแหน่งกองหน้า ซึ่งฝีเท้าก็ไม่ธรรมดา เป็นหนึ่งในกองหน้าตัวความหวังของ ริงมาห์น เรนเจอร์ส ทีมระดับเยาวชนของประเทศไอร์แลนด์
อย่างไรก็ตามจุดพลิกพลันของชีวิตหนุ่มชาวไอริชก็มาถึงเมื่อช่วงอายุ 14 ปี ณ เวลานั้นผู้รักษาประตูของทีมตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอย่างกระทันหัน ส่งผลให้ทีมหาตัวแทนมาไม่ทัน พ่อของเคลเลเฮอร์ จึงแนะนำกับ เอ็ดดี แฮร์ริงตัน โค๊ชของ ริงมาห์น เรนเจอร์ส ในเวลานั้นให้ลองใช้งานลูกชายลงเฝ้าเสาตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งแน่นอนว่าโค๊ชไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะนำตัวดาวยิงตัวเก่งของทีมมาอยู่หน้าปากประตูตัวเอง ทว่าก็ต้องยอมรับด้วยเสียงจากผู้เป็นพ่อที่ยืนยันอย่างหนักแน่น
แม้จะเล่นตำแหน่งกองหน้ามาตลอด เคลเลเฮอร์ กลับแสดงความเยือกเย็นขณะเฝ้าเสา แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดทำทีมเสียประตู ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ล่าตาข่ายอีกเลย ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นจึงได้รับเลือกให้ติดทีมชาติไอร์แลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ไปลุยศึกชิงแชมป์ยุโรป ก่อนที่ผลงานจะไปเข้าตาของแมวมองจาก ลิเวอร์พูล สโมสรดังจากเวทีพรีเมียร์ลีกเข้าอย่างจัง ช่วงซัมเมอร์ของปี 2015 ควิวีน เคลเลเฮอร์ จึงได้สัญญาย้ายเข้าทีม อะคาเดมี ของสโมสร ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ
เด็กหนึ่มชาวไอริชใช้เวลาในตำแหน่งผู้รักษาประตูเพียง 3 ปี พลิกจากสโมสรระดับเยาวชนของไอร์แลนด์ มาอยู่กับยอดทีมของโลกฟุตบอล ลิเวอรืพูล แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของเขากับตำแหน่งรักษาประตู เคลเลเฮอร์ เข้ามาร่วมทัพ หงส์แดง ในสมัยของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ได้ชื่อว่าชื่นชอบเรื่องปลุกปั้นผู้เล่นวัยรุ่น ซึ่งนายทวารคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนักเตะเยาชนที่กุนซือชาวเยอรมันจับตามอง เขาจึงได้ร่วมทัพอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2018 พร้อมได้รับโอกาสลงเล่นอีกด้วย
ในฤดูกาล 2018/19 ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ถูกดันขึ้นมาเป็นมือ 3 ของทีม โดยในฤดูกาลนั้น ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้เป็นสมัยที่ 6 ของสโมสร ซึ่งในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2-0 ควิวีน เคลเลเฮอร์ มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองของทีมด้วย เขาจึงได้ลิ้มรสของความสำเร็จได้เป็นแชมป์รายการระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปตั้งแต่ค่ำคืนนั้น
ฤดูกาลต่อมา ซิมง มิโญเลต์ ผู้รักษาประตูมือ 2 ตัดสินใจย้ายกลับไปร่วมทีมในประเทศบ้านเกิด แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังมีเพียงน้อยนิด เคลเลเฮอร์ จึงยังไม่ได้รับความไว้วางใจมากนัก คล็อปป์ จึงตัดสินใจไปดึงผู้รักษาประตูจอมเก๋า อาเดรียน มารับหน้าที่มือ 2 ของทีม ซึ่งฤดูกาล 2019/20 ลิเวอร์พูล ยังคงพุ่งชนความสำเร็จไม่หยุดสามารถปลดล็อคคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ทว่า เคลเลเฮอร์ กลับไม่มีส่วนลงเฝ้าเสาให้ทีมในลีกแม้แต่เกมเดียว จึงไม่ได้รับเหรียญแชมป์เหมือนคนอื่นๆ เนื่องจากกฎของพรีเมียร์ลีกระบุไว้ว่านักเตะที่มีสิทธิ์รับเหรียญรางวัลจะต้องลงเล่นให้กับทีมอย่างน้อย 5 เกม
มาถึงฤดูกาล 2020/21 ศึกชิงตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 2 เริ่มเข้มข้น แม้ อาเดรียน จะทำหน้าที่เซฟประตูได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นายด่านชาวสเปนก็เริ่มแสดงความผิดพลาดส่วนตัวให้เห็นบางเกมเช่นกัน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020 มีคิวลงดวลกับ อาแจกซ์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเกมนี้ อลิสสอน มือหนึ่งของทีมมีอาการบาดเจ็บ คล็อปป์ เริ่มแสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะดันนายด่านชาวไอริชขึ้นมาสู่ระดับที่สูงขึ้นแล้ว จึงคัดสินใจส่ง เคลเลเฮอร์ ลงเฝ้าเสาแทนที่จะเป็น อาเดรียน และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากเรื่องป้องกันประตูแล้ว จากทักษะที่เคยเป็นผู้เล่นกองหน้ามาก่อน เคลเลเฮอร์ จึงเป็นโกลที่เล่นบอลกับเท้าได้ดี ซึ่งตรงสเป็คผู้รักษาประตูของทีมที่เน้นครองบอลแบบ ลิเวอร์พูล ในยุคนี้
หลัง อาเดรียน หมดสัญญากับสโมสร ก่อนฤดูกาล 2021/22 จะเริ่มขึ้น หงส์แดง ไม่เลือกที่จะมองหาคนใหม่มาแทนที่ พร้อมดัน เคลเลเฮอร์ ขึ้นมาเป็นมือ 2 ของทีม เขามีโอกาสลงสนามมากขึ้นตอนที่ อลิสซอน บาดเจ็บก็ทำหน้าที่ในเวทีพรีเมียร์ลีก ทดแทนได้เป็นอย่างดี ด้านรายการบอลถ้วยก็ยึดตำแหน่งตัวจริงได้แบบไม่มีข้อกังขา ฝีมือการป้องกันประตูของเขาทำให้ชาวเดอะ ค็อป ไว้ใจได้ แตกต่างกับผู้รักษาประตูมือรองของทีมในอดีตอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง เคลเลเฮอร์ มีส่วนช่วยพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศรายการ คาราบาว คัพ พบกับ เชลซี ซึ่งเขายังคงได้ความไว้วางใจให้ลงเผชิญหน้ากับทีมแชมป์ยุโรปปีล่าสุด ก่อนที่จะเซฟช่วยทีม พร้อมยิงจุดโทษตัดสินเป็นคนสุดท้าย ส่ง ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีก คัพ ได้เป็นสมัยที่ 9 ของสโมสร
