แอนตี้ฟุตบอล เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

แอนตี้ฟุตบอล แท็กติกหนีตายในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

ด้วยสถานะของสองทีมบ้านใกล้เรือนเคียงย่านแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์ ณ เวลานี้ ห่างชั้นกันหลายขุม ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือของเอฟเวอร์ตัน เลือกแท็กติกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ โดยแท็กติกนั้นมีชื่อว่า “แอนตี้ ฟุตบอล

แอนตี้ฟุตบอล คือ

“แอนตี้ ฟุตบอล” (Anti-football) ความหมายของมันเข้าใจๆง่ายคือ ฟุตบอลที่มาตั้งรับแบบเต็มสูบ 11 คน ในแดนตัวเอง ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให่ทีมเสียประตู เช่น เล่นช้าทุกจังหวะ, แกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลา, ไม่เน้นเกมรุก ทีมที่มาเล่นแผนนี้มักจะเป็นรองคู่แข่งมาก จึงต้องการเพียงไม่เสียประตูเพื่อแชร์แต้มจากคู่แข่งเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อจะหวังเอาชนะแม้แต่น้อย

แอนตี้ฟุตบอล ในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

ก่อนลงสนามดวลแข้งกัน ทีมร่วมเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ลิเวอร์พูล เจ้าบ้าน กำลังตามล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก เดินหน้าเก็บชัยชนะมาได้อย่างต่อเนื่อง ทางด้าน เอฟเวอร์ตัน ผู้มาเยือน จมอยู่ในโซนตกชั้น ดังนั้นด้วยคุณภาพ และความมั่นใจที่ห่างชั้นกัน กุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด มองว่าโอกาสที่จะบุกมาชนะถึงถิ่น แอนฟิลด์ เป็นไปไม่ได้เลย จึงเลือกที่จะใช้แผน “แอนตี้ ฟุตบอล” หวังเพียงแชร์คะแนนออกมาเท่านั้น

แผนการของทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เริ่มตั้งแต่นาทีแรกของการแข่งขัน พวกเขาลงไปตั้งรับในแดนตัวเองทั้ง 11 คน เมื่อได้จังหวะบุกก็ไม่มีคนเติมขึ้นไป เน้นให้พวกที่มีความเร็ว 1-2 คน เอาบอลไปเล่นเกมโต้กลับกันเอาเอง นอกจากนี้กลยุทธ์ถ่วงเวลาเพื่อสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญก็ถูกงัดมาใช้ทุกกระบวนท่า ริชาร์ลิสัน ปีกตัวปั่นประสาทชาวบราซิล ดูจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาได้ดี เขาพยายามเล่นติบดาบ และมักจะนอนเจ็บทิ้งตัวเอาฟาล์วจากทุกจังหวะที่มีการปะทะ อีกคนที่มีส่วนแสดงให้เห็นว่าทีมเยือนมาเล่นเพื่อแชร์แต้มเท่านั้นคือ จอร์แดน ฟิกฟอร์ด นายทวารชาวอังกฤษ ที่เมื่อลูกบอลอยู่ในมือเขาเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่เจ้าตัวทำคือลงไปนอนกอดลูกฟุตบอลเหมือนกับที่บ้านไม่เคยมีหมอนข้างให้กอด และดูเหมือนในช่วงครึ่งเวลาแรกแผน แอนตี้ฟุตบอล จะออกมาได้ผล เมื่อ ลิเวอร์พูล แทบจะหาจังหวะเจาะกำแพง 3 ชั้น เข้าไปง้างยิงให้นายด่านคู่แข่งต้องออกแรงได้เลย ไ่ม่แม้แต่ยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว

มหาเทพประทานพรในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ อีกครั้ง

เกมในช่วงครึ่งเวลาหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปแก้เกมมาได้ผล ลิเวอร์พูล พยายามเล่นเร็วขึ้น บวกกับใช้บอลโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของตู่แข่งได้พอสมควร และเมื่อเวลาของการแข่งขันผ่านมา 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี ลิเวอร์พูล ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเติมเกมความหลากหลายในเกมรุก หลุยส์ ดิอาซ และ ดิว็อค โอริกี้ จึงถูกส่งลงสนาม และเพียงเวลา 2 นาทีที่ มหาเทพแห่งแอนฟิลด์ ลงสัมผัสพื้นหญ้าก็แสดงอภินิหารทันที เมื่อ ลิเวอร์พูล สามารถปลดล็อคพังประตูออกนำ 1-0 จากลูกโขกของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หลังจากที่เสียประตู เอฟเวอร์ตัน ทิ้งแผน แอนตี้ ฟุตบอล ทันที พวกเขากลับพยายามเล่นเกมรุกมากขึ้นเพื่อหวังทวงประตูคืน และมีหลายจังหวะที่เกือบจะทำได้ อย่างไรก็ตามเกมนี้มันจบไปตั้งแต่ชายที่ชื่อ ดิว็อค โอริกี้ ลงสนามแล้ว นาทีที่ 85 ดาวยิงหมายเลข 27 โขกบอลจ่อๆพังประตูออกนำห่าง 2-0 จากนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติมชัยชนะศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ เป็นของฝั่งมุมแดงอีกครั้ง

หลังจบเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล มีเพิ่มมาเป็น 79 คะแนนจาก 33 นัด ยังคงรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก ไล่ตามกดดัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือ 1 คะแนนเท่าเดิม ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ ส่วน เอฟเสอร์ตัน เพื่อนร่วมเมือง ลงไปนอนจมอยู่ในโซนตกชั้น อันดับที่ 18 ของลีก ตามหลัง เบิร์นลี่ย์ 2 คะแนน(แข่งน้อยกว่า 1 นัด) หรือว่าปีหน้าเราจะไม่ได้เห็นเกม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ อีกแล้ว คิดแล้วก็น่าใจหายเหมือนกันนะครับสำหรับสาวกเดอะ ค็อป ที่ได้ดูความเดือดของศึกแห่งศักดิ์ศรีมาโดยตลอด

Leave a Comment

Your email address will not be published.