ตั้งแต่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษเปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่นหนึ่ง เป็น พรีเมียร์ลีก เหล่าพลพรรคหงส์แดง ก็ไม่มีวาสนาได้ครอบครองมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงสร้างเพชรฆาตในแดนหน้าขึ้นมาตลอดเวลา ครั้งนี้จะขอพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 5 สุดยอดกองหน้าที่ระเบิดตาข่ายให้กับ ลิเวอร์พูล ในยุคที่ไม่ได้เกรียงไกลดั่งเช่นอดีต
- ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (Robert Fowler)
ฟาวเลอร์ เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูลตั้งแต่กำเนิด ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับหงส์แดงในปี 1992 ซึ่งเวลานั้นเขามีอายุ 17 ปีเท่านั้น และในฤดูกาล1993/4 เจ้าหนูดาวรุ่งคนใหม่ก็ฉายแววยอดกองหน้าออกมาให้เหล่าสาวกเดอะค็อป ได้ชื่นใจด้วยกันกดไปคนเดียว 5 ประตูใส่ ฟูแล่ม ต่อหน้าแฟนๆที่ แอนฟิลด์ จบฤดูกาลนั้นด้วยผลงาน 18 ประตูจากการลงสนาม 34 นัด ถัดมาในปี 1994/95 ความร้อนแรงของเด็กหนุ่มคนนี้ยังไม่หยุด เมื่อเขาระเบิดตาข่ายคู่แข่งไปถึง 31 ประตูในฤดูกาลนั้น โดย 1 ในนั้นเป็นการยิงแฮตทริกใส่ อาร์เซน่อล จากการใช้เวลา 4 นาที 33 วินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นฟอร์มของ ร็อบบี้ ก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องยิงได้ 30 ประตูติดต่อกันอยู่หลายฤดูกาล ฟาวเลอร์ เป็นนักเตะที่เกิดมาเพื่อเป็นกองหน้าอย่างแท้จริง ด้วยสัญชาตญาณเพชรฆาตที่ติดตัวมาโดยที่โค๊ชไม่ต้องสอน บวกกับเท้าซ้ายที่ยิงได้อย่างเฉียบขาด แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมมากนัก แต่เมื่อโอกาสมาถึงสกอร์บอร์ดก็พร้อมจะขยับทันที เขาลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด 266 เกม ยิงไป 128 ประตู พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย และยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย หากถามแฟนบอลหงส์แดงยุค 90s คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก ศูนย์หน้าที่เหล่าเดอะ ค็อป ขนานนามเอาไว้ให้ว่า “The God“
2. ไมเคิล โอเว่น (Michael Owen)
อายุเป็นเพียงตัวเลข คือคำพูดที่ โอเว่น พิสูจน์มาให้ทุกคนได้เห็นด้วยมาแล้ว สมัยที่เขาเป็นดาวรุ่ง หากเรียกระดับการเล่นของกองหน้าร่างเล็กรายนี้ว่า เวิลด์คลาส ก็คงไม่มีใครกล้าเถียง แววความเป็นยอดกองหน้าระดับท็อปของเขาแสดงออกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ตอนอายุ 11 ปี ที่ลงเล่นให้กับทีมระดับโรงเรียน เด็กชาย ไมเคิล โอเว่น สังหารไปถึง 97 ประตูในปีเดียว ทำลายสถิติเดิมของ เด็กชาย เอียน รัช ที่สังหาร 72 ประตู ได้แบบไม่ยากเย็น เขามีครบทั้งความรวดเร็ว และเฉียบคม แน่นอนว่าความเก่งของ โอเว่น ในเวลานั้นทำให้บิ๊กทีมทั่วพรีเมียร์ลีกต่างอยากได้เขามาร่วมทัพ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ถูกเลือก และในฤดูกาล 1997/98 ด้วยวัยเพียง 18 ปี โอเว่น ก็คว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมาเอาไว้ได้ในครอบครอง พ่วงมาพร้อมกับตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยม หลังจากนั้นกราฟชีวิตการค้าแข้งของเด็กหนุ่มคนนี้ก็พุ่งทะยานแบบหยุดไม่อยู่ ทั้งกับทีมชาติ และสโมสร โดยเฉพาะในฤดูกาล 2000/01 โอเว่น พาต้นสังกัด ลิเวอร์พูล ที่ร้างแชมป์ไปนาน กวาดทริปเปิ้ลแชมป์ คือ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ มาครองได้สำเร็จ ส่งผลให้ในปี 2001 เขาคว้าตำแหน่ง บัลลัง ดอร์ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นด้วยความทะเยอทะยานของวัยรุ่น โอเว่น ที่เห็นว่า ลิเวอร์พูล ในเวลานั้นไม่ดีพอที่เขาจะค้าแข้งด้วยจึงได้เปลี่ยนเส้นทางค้าแข้งไปอยู่กับยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด แต่ความฝันมักจะสวนทางกับความจริงเสมอ โอเว่น ไม่ประสบความสำเร็จกับยอดทีมของประเทศสเปน จนกราฟชีวิตดิ่งลงไวยิ่งกว่าราคาน้ำมันตอนนี้ ต้องย้ายไปเล่นให้กับ นิวคาสเซิ่ล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะปิดฉากเส้นทางลูกหนังกับ สโต๊ก ซิตี้ แบบเงียบๆ เจ้าของฉายา “Baby Goal” ลงเล่นให้ หงส์แดง 297 นัด ยิงไปทั้งหมด 158 ประตู
3.เฟร์นันโด ตอร์เรส (Fernando Torres)
ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินก้อนโต 26.5 ล้านปอนด์ คว้าตัวกองหน้าจาก แอตเลติโก มาดริด เข้ามาร่วมทัพในปี 2007 แสดงให้เห็นว่าก่อนจะย้ายมาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ศูนย์หน้าสุดหล่อคนนี้ฝีเท้าต้องไม่ธรรมดา และเพียงแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้นผลงานของเจ้า “เอล นีโญ” ก็ทำให้เหล่าเดอะ ค็อป ลืมค่าตัวที่จ่ายไปทันที เขาจัดการสังหารไปถึง 24 ประตู เป็นผู้เล่นต่อจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำประตูได้ 20 ลูกขึ้นไปให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 1996 ตอเรส ใช้เวลาล่าตาข่ายให้กับทัพหงส์แดงเพียงแค่ 3 ปีครึ่งเท่านั้น แต่โดนยกให้เป็น 1 ใน 50 ผู้เล่นที่ดีที่สุดของสโมสร จากผลงานที่ลงสนาม 102 นัด เขาจัดการกระหน่ำไปถึง 65 ประตู น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถพา ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ได้เลยในตอนนั้น แต่ถึงอย่างไรจากผลงานที่เขาฝากเอาไว้ก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุคนั้น หากไม่เชื่อก็ลองไปถาม ยอดกองหลังอย่าง เนมานย่า วิดิช ดูก็ได้
4. หลุยส์ ซัวเรซ (Luis Suarez)
ตลาดซื้อของนักเตะช่วงหน้าหนาวฤดูกาล 2010/2011 ลิเวอร์พูล ต้องเสียกองหน้าอันดับ 1 ของทีมอย่าง เฟร์นันโด ตอเรส ให้กับ เชลซี แต่อย่างไรก็ตามตลาดรอบนั้นทีมหงส์แดง ก็ได้นำเข้าอีกสุดยอดกองหน้าที่ชื่อ ซัวเรซ มาร่วมทีม เพียงเกมแรกที่ลงเล่นในเกมที่เจอกับ สโต๊ค ซิตี้ ก็สามารถยิงประตูได้ทันที หัวหอกชาวอุรุกวัย เป็นกองหน้าที่ไม่ได้มีความรวดเร็ว แต่ทดแทนมาด้วยแพชชั่น เล่ห์เหลี่ยม เทคนิค และความเฉียบคม โดยเฉพาะแพชชั่นที่ล้นเหลือ ทำให้หลายครั้งเขาแสดงพฤติกรรมในสนามที่มีปัญหาอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรเรื่องฝีเท้าก็ไม่เคยมีใครตั้งคำถาม ซัวเรซ ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล 133 เกม ยิงไปถึง 82 ประตู โดยเฉพาะปีสุดท้ายก่อนย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ในฤดูกาล2013/2014 เขาพาทีมเข้าใกล้การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หากแต่ก็ต้องผิดหวังโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครอง 31 ประตูจาก 33 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้น คือผลงานที่ ซัวเรซ ฝากเอาไว้ก่อนจะย้ายไปทำตามความฝันกับ บาร์เซโลน่า
5. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่(Roberto Firmino)
1 กรกฏาคม ปี 2015 ลิเวอร์พูล เปิดตัวกองหน้าคนใหม่ที่ซื้อมาจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ ที่ชื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หลังจากแฟนๆได้เห็นผลงานในช่วงแรกของเขา ต่างก็สงสัยในความสามารถ เขาทั้งเชื่องช้า บอบบาง และไม่เฉียบคม มองไม่เห็นวาวของยอดกองหน้าที่ทีมเคยมีมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กองหน้าชาวแซมบ้า ก็ได้แสดงความเก่งกาจออกมาให้คนทั่วโลกได้เห็น ความเชื่องช้าโดนทดแทนด้วยเทคนิค, ความบอบบางโดนเปลี่ยนให้กลายเป็นแข็งแกร่ง และความเฉียบคมโดนแทนที่ด้วยมันสมอง โลกฟุตบอลยุคที่แผนกองหน้า “false 9” เป็นที่นิยม เขาคือนักเตะที่ผู้จัดการทีมสมัยใหม่ที่เล่นแผนนี้ต่างฝันหา ฟีร์มิโน่ เป็นส่วนผสมสำคัญของ 3 ผสานในแดนหน้า ชุดที่พา หงส์แดง พิชิตสโมสรทั่วยุโรป และทั้งโลก หาก มาเน่ คือแขน, ซาล่าห์ คือขา, ฟีร์มิโน่ ก็คงจะเป็นสมอง ค่าเฉลี่ยการพังประตูของเขาอาจจะไม่ได้มากมายเท่ากับเหล่ายอดกองหน้าคนอื่นที่ได้กล่าวถึง แต่ “บ็อบบี้” กำลังจะพาเหล่าสาวกเดอะ ค็อป ทั่วโลกปลดล็อคการรอคอยที่แสนยาวนานกว่า 30 ปี ให้ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ที่ชื่อว่า พรีเมียร์ลีก