แดงเดือด

ส่องหลังเกม “แดงเดือด” ฟุตบอลที่ต่างคลาส

ศึก แดงเดือด ยกที่สอง ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021/22 จบลงด้วยภาพที่เหมือนฉายซ้ำจากเกมเลกแรก เมื่อพลพรรค หงส์แดง เปิดรังสอนบอล ปีศาจแดง ขาดลอย 4-0 อะไรที่ทำให้คู่อริตลอดกาลมีฝีเท้าการเล่นฟุตบอลห่างชั้นกันถึงเพียงนี้  lnwliverpool ขอพาไปส่องหาสาเหตุหลังเกมการแข่งขันกันครับ

แดงเดือด จบตั้งแต่ 5 นาทีแรก

ก่อนลงสนามเกมนี้ ทุกๆอย่างชี้ให้เห็นตัวผู้ชนะตั้งแต่เริ่ม นอกจากฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมที่แตกต่างกันแบบคนละขั้วแล้ว ทัพ ปีศาจแดง ยังอาภัพต้องขาดขุนพลตัวหลักหลายรายทั้ง เฟร็ด, ราฟาเอล วาราน, เอดิสัน คาวานี่, ลุค ชอว์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และศูนย์หน้าตัวแบก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผิดกับทาง หง์แดง ที่พร้อมจัดผู้เล่นชุดเก่งลงสนามได้แบบเต็มสูบ บทเรียนจากเกมเลกแรกที่โดนบุกไปถล่มเละกลาง “โรงละครแห่งความฝัน” 5-0 ทำให้เกมนี้กุนซือระดับอาจารย์ ราล์ฟ รังนิค เลือกที่จะฝืนธรรมชาติของทีม ปรับมาใช้ระบบหลัง 3 เพื่อหวังขันแนวรับให้เหนียวแน่นเอาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตามความรั่วของแนวรับ ยูไนเต็ด ไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วพริบตา เวลาของเกม แดงเดือด ล่วงเลยหลังเขี่ยบอลเริ่มเตะเพียง 5 นาที ผู้มาเยือนก็พลาดท่าเสียประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งๆที่วางแผนมาเพื่อตั้งรับ แต่นักเตะแมนยูกลับพยายามดันไลน์สูงขึ้นมาบีบตรงแดนกลาง ซึ่งเปิดช่องว่างมหาศาลตรงแนวหลังให้กับเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ใช้จังหวะเคาะบอลเพียงไม่กี่จังหวะก็หลุดจากการโดนบีบพร้อมแทงบอลทะลุช่องให้ปีกความเร็วสูงอย่าง ซาลาห์ วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนจะปาดมาบอลมาให้ หลุยส์ ดิอาซ จบสกอร์อย่างเฉียบขาด

แน่นอนว่าด้วยฟอร์ม และระบบการเล่นที่ ลิเวอร์พูล เหนือกว่าอยู่แล้ว บวกกับการได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วภาพของเกมแรกที่เจอกันเหมือนตามมาหลอกหลอนแข้ง ยูไนเต็ด อยู่ตลอดเวลา หลังจากโดนออกนำยังเป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลบุกเข้าใส่ผู้มาเยือนแบบมันส์เท้าอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนจะมาเจาะประตูออกนำห่าง 2-0 ได้ในนาทีที่ 22 ของการแข่งขัน และแม้สถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใดเหล่าผู้เล่นของทัพ ปีศาจแดง กลับไม่แสดงความกระตือรือล้นที่จะทวงประตูคืน พวกเขาทำได้แค่ตั้งรับยืนดูอริเคาะสอนบอล จนจบครึ่งเวลาแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสง้างเท้ายิง 0 ครั้งถ้วน

Liverpool humiliate Manchester United: Analysis of Klopp, Maguire, Mane and  more

เกมในครึ่งเวลาหลัง อาจารย์ป๋า รังนิค อยู่ไม่ไหวเลือกจะส่ง เจดอน ซานโช่ ปีกตัวพริ้วลงสนามเพื่อช่วยเติมความอันตรายให้แนวรุก ซึ่งรูปเกมก็เหมือนจะดีขึ้น ยูไนเต็ด มีโอกาสครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากขึ้นในช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง แต่ก็ไม่สามารถสร้างความอันตรายถึงชีวิตได้ และแนวรับอันอ่อนยวบของ ยูไนเต็ด ก็แสดงจุดอ่อนให้เห็นอีกครั้ง จนมาเสียประตูที่ 3 และ 4 แบบง่ายๆราวกับว่า ลิเวอร์พูล อยากจะยิงตอนไหนก็ยิงได้ ซึ่งหลังจากเสียประตูที่ 3 ผู้เล่นของทีมเยือนก็ออกอาการยกธงขาวยอมแพ้แบบชัดเจน แดงเดือด ครั้งนี้จึงจบด้วยสกอร์ที่ขาดลอยอีกครั้ง ตาม บทวิเคราะห์ ของเราที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้

Liverpool 4-0 Manchester United: Player ratings

ทำไม แดงเดือด ยุคนี้ถึงแสนห่างชั้น

โดยปกติแล้ว คอบอลทั่วโลกต่างรอคอยดูการทำศึกของ 2 อริแห่งเกาะอังกฤษ เพราะไม่ว่าจะเวลาใดตลอด 90 นาที ทั้งสองทีมจะต่อสู้กันแบบถวายหัว เพื่อศักดิ์ศรีอย่างยาวนาน แม้ในช่วงยุค 90 ถึงช่วงปี 2000 ต้นๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษ สวนทางกับ ลิเวอร์พูล ที่นานๆจะได้โผล่มาลุ้นแชมป์กัยเค้าซักปี แต่แทบไม่มีเกม แดงเดือด นัดไหนเลยที่พลพรรค หงส์แดง จะยอมหมอบศิโรราบให้กับคู่อริ พวกเขามักจะวิ่งสู้สร้างบาดแผลให้กับ อสูรแดง อยู่แสดง แล้วทำไมเมื่อถึงตาที่ ยูไนเต็ด ตกต่ำลงมา พวกเขากลับยอมแพ้ง่ายๆ โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ที่โดนถล่มไปกลับด้วยสกอร์รวมแบบเหลือเชื่อไม่มีมุมสู้ 9-0

  • ข้อแรกเห็นได้ชัดว่า แมนยู ขาดผู้นำในทีมที่คอยปลุกเร้าให้ทีมมีแรงฮึดสู้แบบถวายหัว การแต่งตั้ง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวเพียงสุดในโลกขึ้นมาเป็นกับตัน ถือเป็นความผิดพลาด เนื่องจากโดยบุคลิกเขาไม่ใช่ผู้นำที่ได้รับการไว้วางใจจากเพื่อนร่วมทีม เมื่อทีมโดนทำประตูออกนำไปก่อน ปราการหลังร่างยักษ์ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมซะอย่างงั้น
  • สภาพจิตใจของผู้เล่น ฤดูกาลนี้ผลงานของ แมนยู ห่วยแตกสุดๆพร้อมที่จะแพ้ให้กับทุกทีม มีโอกาสสูงที่จะหลุดท็อปโฟร์ ทั้งที่ชื่อชั้นผู้เล่นควรจะทำได้แบบไม่ยาก จึงโดนเหล่า เร้ด อาร์มี่ ที่มีอยู่ทุกมุมโลกถาโถมเข้าใส่ เมื่อพวกเขาต้องมาพบกับ ลิเวอร์พูล ที่กำลังคึกเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ จะเห็นได้ว่าจังหวะการวิ่งบี้ใส่กัน ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายที่เอาชนะได้เสมอ
  • กุนซือวางแผนผิดพลาด เกมแรกในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แมนยู เลือกที่จะเล่นบีบเพลสซิ่งใส่ ลิเวอร์พูล ทั้งๆที่ระบบนี้ไม่ใช่จุดแข็งของพวกเขา การที่เลือกใช้แผนนี้กับต้นตำหรับ เกเก้น เพลสซิ่ง ส่งผลให้โดนทะลวงไส้ไปเบาๆ 5-0 มาถึงเกมล่าสุดเปลี่ยนมาเป็นกุนซือ ราล์ฟ รังนิค นายใหย๋ชาวเยอรมันเลือกที่จะปรับมาใช้แผนที่แทบไม่เคยซ้อมกันมาก่อน ซึ่งผู้เล่นในทีมก็แสดงออกว่างงกับการยืนตำแหน่งการเล่นอย่างชัดเจนทำให้เสียประตูอย่างรวดเร็ว นำซึ่งมาถึงการโดนถล่ม ไม่ต่างจากเกมในเลกแรก
  • งานสบาย รายได้ดี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในทีมที่มีเงินที่สุดในโลก พวกเขาทุ่มเงินมหาศาลซื้อผู้เล่นเข้าทีม และจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลให้กับผู้เล่น แม้ฟอร์มการเล่นของนักเตะเหล่านั้นจะเป็นย่ำแย่เพียงใดก็ตาม ซ่งนั้นอาจจพส่งผลทำให้นักเตะเล่นแบบไม่แคร์อะไรในเกมที่ควรจะแสดงออกถึงความทุ่มเทแบบเกินร้อยก็ตามที
แดงเดือด

Leave a Comment

Your email address will not be published.