ฤดูกาล 2021/22 ผ่านครึ่งทางมาซักระยะแล้ว พลพรรค หงส์แดง ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ พวกเขายังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกรายการที่ลงสนามแข่งขัน โดยมีหนึ่งรายการที่สามารถทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเรีบยร้อยแล้ว วันนี้ lnwliverpool จะมาวิเคราะห์กันว่าแต่ละถ้วยมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเดินไปถึงปลายทาง
พรีเมียร์ลีก
เริ่มกันที่แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ลิเวอร์พูล รั้งอยู่อันดับที่ 2 ของตารางคะแนน อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ห่างเพียงอันดับเดียว แต่การจะคว้าถ้วยแชมป์นี้กลับยากกว่าทุกรายการ เมื่อไปดูที่คะแนนพวกเขาตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลูกทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า อยู่ห่างถึง 9 คะแนน(ลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด) ขณะที่เกมการแข่งขันเหลืออีกเพียง 16 นัดเท่านั้น มองแบบเข้าข้าง หงส์แดง ที่สุดหากเก็บนัดตกค้างได้ ช่องว่างจะลดลงห่างเหลือเพียง 6 คะแนน ความเป็นไปได้จึงเพิ่มมากขึ้นมาทันที โดยมีเงื่อนไขที่ว่านับจากนี้จะพลาดไม่ได้ จุดตัดสินจริงๆคงต้องมองไปไกลถึงวันที่ 9 เมษายน ที่ ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้ หงส์แดง ต้องบุกไปเก็บ 3 คะแนนออกมาให้ได้เท่านั้น อย่างที่บอกไปว่า พรีเมียร์ลีก ดูจะเป็นงานยากที่สุด ทั้งคะแนนที่ตามอยู่ ทั้งคู่แข่งที่ต้องตามเป็นทีมที่มาตรฐานสูงมีความสม่ำเสมอ และทีมแทบไม่เหลือโอกาสให้ทำแต้มหล่นอีกแล้ว แต่ใครจะรู้อนาคตวันดีคืนดีทัพเรือใบสีฟ้าอาจจะเจอกับลมพายุจนพากันออกทะเลไปเองก็ได้
คาราบาว คัพ
ถ้วยแชมป์ที่เล็กสุดจากที่มีลุ้นอยู่ทั้งหมด แต่โอกาสที่จะคว้าแชมป์ก็มีความเป็นไปได้มากที่สุด หลัง ลิเวอร์พูล เดินทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว ขอชัยชนะอีกแคาเกมเดียวก็จะได้ถ้วยแชมป์มาประดับตูโชว์ทันที อย่างไรก็ตามงานสุดท้ายก็ไม่ง่ายนัก เมื่อคู่แข่งที่จะต้องเก็บให้ได้คือทีมสุดแกร่งอย่าง เชลซี เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าทุกคนจะสู้กันแบบเต็มที่ โอกาสที่จะคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้มาครองจึงต้องไปวัดกันในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้กันครับ
เอฟเอ คัพ
เส้นทางของถ้วยนี้ยังคงยาวไกล ขณะนี้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งด่านต่อไปก็ถือว่าเจองานค่อนข้างเบาจบฉลากพบกับ นอริช ซิตี้ ทีมท้ายตารางของลีกสูงสุด จากชื่อชั้น และศักยภาพของทีมโอกาสที่จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปมีความเป็นไปได้สูง สำหรับในการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์นอกจากฝีมือแล้ว “ดวง” ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างปฎิเสธไม่ได้ จากรายชื่อทีมที่ผ่านเข้ารอบมา หลังจากจบรอบ 16 ทีม เราจะได้เห็นบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีกต้องดวลกันอย่างแน่นอน อย่างที่รู้กันว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับรายการนี้เท่าไหร่นัก มักจะส่งผู้เล่นชุดสำรองลงสนามทำให้ในสมัยของกุนซือชาวเยอรมัน ยังไม่เคยคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้เลย ทว่า ณ เวลานี้ขุมกำลังนักเตะของ หงส์แดง ค่อนข้างพร้อม ผู้เล่นสำรองเริ่มทดแทนผู้เล่นตัวจริงได้ ทำให้ความหวังที่จะได้ชูถ้วยแชมป์มีมากกว่าหลายๆปีที่ผ่านมา
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานในเวทียุโรปของ ลิเวอร์พูล ในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้สะเด่าสุดๆ แม้จะโดนจับไปอยู่ “กรุ๊ป ออฟ เดธ ” ที่มีเพื่อนร่วมทั้ง แอตเลติโก มาดริด, เอซี มิลาน และปอร์โต้ พวกเขากลับผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้แบบง่ายๆ ด้วยการเก็บชัยชนะได้ทุกเกมที่ลงสนาม มาถึงรอบ 16 ทีม จบฉลากไปพบกับ อินเตอร์ มิลาน เป็นงานที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป แม้การแข่งขันชิงความเป็นจ้าวยุโรปไม่เคยง่าย เนื่องจากในรายการเต็มไปด้วยสโมสรระดับท็อปของยุโรปทั้งสิ้น แต่ขอพูดแบบไม่อวยว่าด้วยศักยภาพของ ลิเวอร์พูล มีดีพอที่จะคว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาครองได้เหมือนกัน